ลักษณะทั่วไป
- ตัวผู้ มีขนสีดำ ขนาดความสูง 1.71 - 1.90 เมตร ขนาดลำตัว 2.10 - 2.22 เมตร น้ำหนักตัวประมาณ 700 - 900 กิโลกรัม เขาตัวผู้จะโค้งเป็นวงกว้าง แล้วตีวงโค้งไปข้างหน้า ปลายเขาแตกออกเป็นพู่คล้ายเส้นไม้กวาดแข็ง ขาทั้ง 4 มีถุงเท้าสีขาวเช่นเดียวกับกระทิง (B. gaurus) ในตัวผู้ที่มีอายุมาก จะมีเหนียงใต้คอยาวห้อยลงมาจนเกือบจะถึงดิน เชื่อว่าใช้ในการระบายความร้อน
- ตัวเมีย มีขนสีเทา มีเขาตีวงแคบแล้วม้วนขึ้นด้านบน ไม่มีพู่ที่ปลายเขา มีเขากลวงแบบ Horns ขนาดเท่ากัน โคนเขาใหญ่ ปลายเขาแหลม ไม่มีการแตกกิ่ง ยาวประมาณ 1 เมตร
สถานภาพในปัจจุบัน
- ปัจจุบันไม่มีการรายงานการพบมานานแล้ว จนครั้งหนึ่งเคยเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปจากโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ ณ ปัจจุบันเชื่อว่าอาจจะยังพอมีหลงเหลืออยู่ในชายแดนไทยกับกัมพูชาแถบจังหวัดศรีสะเกษ รวมถึงบริเวณชายแดนระหว่างลาวตอนใต้และเวียดนามด้วย เพราะมักจะมีข่าวว่าพบสัตว์ลักษณะคล้ายกูปรีบ่อย ๆ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันที่น่าเชื่อถือพอ นอกจากคำเล่าลือเท่านั้น[3][4]ครั้งหนึ่ง เคยเชื่อกันว่า กูปรีอาจจะไม่ใช่วัวสายพันธุ์แท้ที่มีอยู่จริงในธรรมชาติ แต่เป็นเพียงแค่ลูกผสมของวัวบ้าน (B. taurus) กับวัวแดง(B. javanicus) ซึ่งเป็นวัวป่าอีกชนิดหนึ่งเท่านั้น แต่จากการตรวจสอบด้วยดีเอ็นเอของนักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศสและนักวิทยาศาสตร์ชาวไทยบ่งชี้ว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
กูปรีในสัญลักษณ์
- นายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล ผู้ก่อตั้ง มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้ใช้รูปกูปรี เป็นสัญลักษณ์ของมูลนิธิ เพื่อเน้นถึงความสำคัญของสัตว์หายากที่มีอยู่ในภูมิภาคอินโดจีน ไม่มีที่อื่นในโลกและเป็นสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์นอกจากนี้แล้ว ทีมฟุตบอลจังหวัดศรีสะเกษมีฉายาว่า "กูปรีอันตราย" และใช้กูปรีเป็นสัญลักษณ์ประจำทีมด้วย ด้วยว่า กูปรีเป็นสัตว์ที่พบได้เฉพาะที่จังหวัดศรีสะเกษเท่านั้น และสำหรับประเทศกัมพูชา ถือว่ากูปรีเป็นสัตว์ประจำชาติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น